“พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ว่าด้วยเรื่องราวการแพทย์ของไทยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน รวบรวมประวัติศาสตร์ศาสตร์ การแพทย์ การก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราชและโรงเรียนแพทย์แห่งแรกเอาไว้
ทันทีที่มาถึงพิพิธภัณฑ์ เราก็ประทับใจไปกับภูมิทัศน์ที่สวยงาม เริ่มจากศาลาทรงไทยแบบจตุรมุข ประดิษฐานพระบรมรูป ร.5 ทรงอุ้มเจ้าฟ้าศิริราชฯ มีธารน้ำล้อมรอบ นอกจากนี้ยังปรับทัศนียภาพบริเวณนี้ให้กลายเป็นสวนที่สวยงาม น่าเดิน ทั้งยังนำหัวรถจักรรุ่นโบราณมาจัดแสดง เพื่อเป็นการระลึกว่าที่ตรงนี้เคยเป็นสถานีธนบุรีมาก่อน เราเลยขอเก็บบรรยากาศด้านนอกให้ชมกันก่อนนะคะ
ส่วนต่อมาเป็นตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ซึ่งดัดแปลงมาจากสถานีรถไฟธนบุรีเดิม โดยได้ปรับปรุงให้มีความสวยงาม โดยคงตัวสถาปัตยกรรมเดิมไว้ เป็นสีเหลืองสลับกับอิฐสีส้ม แล้วยังมีหอนาฬิกาสูงอยู่ด้านข้าง
จากนั้นมาชมข้างในกันค่ะ ห้องแรกคือ “ห้องศิริสารประพาส” ที่นำเสนอเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์โดยรวมผ่านวิดีทัศน์และสิ่งจัดแสดงต่างๆ ได้ทั้งความรู้และเพลิดเพลินมากๆ เลยล่ะค่ะ
ห้องถัดมาเป็นห้อง “ศาสราวุธห้องโบราณราชศัตรา” ซึ่งจัดแสดงศาสตราวุธหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่า ทำให้เราได้เห็นของเก่าที่ถูกเก็บไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งห้องนี้จะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ใครอยากเห็นว่างดงามเพียงใด ก็ต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง
“ห้องคมนาคมบรรหาร” เป็นห้องที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างสถานีรถไฟแห่งนี้ เหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงปัจจุบัน โดยจัดแสดงในระบบ 4 มิติ ห้องนี้แอดมินชอบมาๆ เพราะได้ทั้งความตื่นเต้น สนุกสนานและความรู้ไปพร้อมๆ กัน
จากนั้นเราก้าวขึ้นสู่ชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของประวัติความเป็นมาของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย ชั้นนี้เองที่เรามีโอกาสได้เรียนรู้ถึงร่างกายมนุษย์ เพราะมีภาพจำลองของอาจารย์ใหญ่ คือ บุคคลที่อุทิศร่างกายของตัวเองเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้เรียน, ห้องจำลองการผ่าตัด เป็นการจำลองการผ่าตัดแบบย้อนยุค ให้ได้รู้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่ทำงานในห้องผ่าตัดมีใครบ้าง ได้ลองฟังเสียงปอด เสียงหัวใจที่เต้น เป็นอีกห้องที่แอดมินเทใจให้เล้ยยยย เพราะได้ความรู้ใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด และทำให้รู้ว่ากว่าจะเรียนจบออกมาเป็นหมอ เพื่อรักษาคนไข้นั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย
ใช่ว่าที่นี่จะมีเรื่องราวของวิทยาศาสตร์ให้ได้เรียนรู้กันอย่างเดียว เพราะห้องถัดมาเป็นห้องที่ว่าด้วยเรื่องราวของสมุนไพรไทย ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้เช่นกัน โดยจัดแสดงในรูปแบบของร้าน “โอสถวัฒนา” เป็นอันสิ้นสุดการชมพิพิธภัณฑ์ในส่วนนี้
จากนั้น เรามุ่งหน้าไปยังอาคาร 3 ที่จะพาเราย้อนอดีตไปชมวิถีของคนในชุมชนย่านบางกอกน้อย มีหุ่นจำลองสมเด็จพระพุฒาจารย์โต อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนในสมัยนั้นจวบจนปัจจุบัน ในห้องนี้จำลองสภาพวิถีชีวิต ร้านค้า โรงละคร และร้านอาหาร อีกทั้งยังมีเสียงบรรยายต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังหลุดไปอยู่ในอดีตจริงๆ
ส่วนห้องตรงข้ามกันนั้นจัดแสดง ”เรือโบราณขนาดใหญ่” ซึ่งมีความยาวถึง 24 เมตร และจัดว่าเป็นเรือไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเท่าที่เคยขุดค้นได้
การมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากจะได้ความรู้กลับไปเต็มสมองแล้ว ยังได้ความสนุกสนานต่างๆ แถมมาด้วย ไลค์เลยค่ะ
เรื่องโดย หน่อย ชมภูนุช
ตรวจโดย Admin ครูบอย